วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ด่วน! “พรรคเพื่อไทย” ตอบสนองข้อเสนอ "คณะราษฎร" พร้อมนำข้อเสนอแก้กฎหมาย 112 และ 116 เข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา!

 


“พรรคเพื่อไทย” พร้อมนำข้อเสนอแก้กฎหมาย 112 และ 116 เข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา “ชัยเกษม นิติสิริ”  ย้ำเจตนารมณ์ “พรุ่งนี้เพื่อไทย” ปล่อยนักโทษทางความคิด ฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของประเทศ

 

---

 

จากกรณีคณะราษฎร #ม็อบ31ตุลา64 เรียกร้องต่อคณะตุลาการ เพื่อคืนสิทธิประกันตัว ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมือง พร้อมเรียกร้องต่อรัฐสภาให้ดำเนินการพิจารณาแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ได้ออกจดหมายเปิดผนึกผ่านเพจพรรคเพื่อไทย ยืนยันเจตนารมณ์ว่า “พรรคเพื่อไทย” พร้อมนำข้อเสนอแก้กฎหมาย 112 และ 116 เข้าสู่วาระการประชุมของรัฐสภา นับเป็นการย้ำเจตนารมณ์ที่ได้กล่าวเอาไว้ในงาน “พรุ่งนี้เพื่อไทย”  ที่ได้เรียกร้องให้ปล่อยนักโทษทางความคิด เพื่อฟื้นฟูหลักนิติรัฐและนิติธรรมของประเทศ โดยมีเนื้อหาดังนี้

.

ปัญหาการใช้กฎหมายอาญาดำเนินคดีเพื่อจำกัดความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างอย่างล้นเกิน ไม่ว่าจะเป็นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาตรา 116 พระราชบัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ หรือความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน สร้างผลกระทบให้ประชาชนเสียหายจากกระบวนการยุติธรรมที่ประชาชนสงสัยว่า ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวโดยมิชอบด้วยหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ซึ่งทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในหลักกฎหมายและหลักความยุติธรรมของประเทศ

.

ตามที่ภาคประชาชนได้เรียกร้องและเสนอร่างแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคที่มีเสียงสมาชิกมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมนำข้อเสนอดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานของบุคคลในกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ ศาล และราชทัณฑ์ ว่าได้ปฏิบัติหน้าที่หรือใช้ดุลยพินิจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่ และตรวจสอบการสั่งการโดยรัฐบาล รวมถึงการแก้ไขกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เพื่อให้นักโทษทางความคิดได้รับการปล่อยตัว และไม่ให้เกิดนักโทษทางความคิดเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของประเทศไทย

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2564

สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี : มาเปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริง เพื่อประชาชน

 




สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี : มาเปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริง เพื่อประชาชน

 

ทุกคนมีความฝัน ผมก็มีความฝัน ตอนที่ผมยังเด็ก ผมฝันที่จะเป็นหมอ แต่หลังเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 ความฝันของผมก็เปลี่ยนไป ผมฝันอยากเห็นเพื่อนและผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายที่เสียชีวิตไป ยังคงมีชีวิตอยู่ในสังคมที่มีความเสมอภาค เสรีภาพและภราดรภาพ ผมฝันว่าเพื่อนร่วมสังคมนี้จะมีชีวิตที่ดีและสามารถสร้างความฝันของตัวเองให้สำเร็จได้ ดังนั้น เมื่อผมมีโอกาสมาเป็นรัฐมนตรี ผมจึงทำตามความฝันด้วยการแสดงบทบาทของรัฐมนตรี เพื่อสร้างความสุขสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้กับคนไทย

 

แน่นอนว่า แต่ละคนย่อมฝันไม่เหมือนกัน

 

พ่อที่ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดน้ำแล้วลูกสาววัยห้าขวบกระโดดน้ำตามลงไปด้วย ความฝันของเขาก็เพียงอยากมีชีวิตอยู่อย่างไม่อยากลำบากจนเกินไป ไม่ต้องตกงานและมีรายได้พอประทังชีวิต

 

ความฝันของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคโควิดกลางท้องถนน เขาฝันเพียงว่า มีโอกาสได้ตรวจเขื้อไวรัส มีโอกาสได้เตียงในการรักษาพยาบาล มีโอกาสได้ยาโดยเร็วเพื่อให้เขาพ้นจากความตาย

 

ถามหน่อยเถิด ความฝันเหล่านี้มันมากเกินไปหรือ ถ้าการเมืองดี ในสังคมที่ดี นี้คือสิทธิที่พึงมีพึงได้ของประชาชน

 

ความฝันของคนเรามี 2 แบบที่แตกต่างกัน แบบแรกคือความฝันเพื่ออนาคตที่สดใสของตนเอง มีหน้าที่การงานดี มีบ้านอยู่ มีรถขับ แบบที่สองคือความฝันเพื่ออนาคตที่งดงามร่วมกันของเพื่อนมนุษย์

 

ความฝันเพื่ออนาคตของตนเองต้องไตร่ตรองและวางแผน ความฝันแบบนี้ต้องใช้สมอง แต่ความฝันเพื่ออนาคตร่วมกันของเพื่อนมนุษย์ความฝันแบบนี้ ต้องมีความรัก มีศรัทธาและมุ่งมั่น ความฝันแบบนึ้ต้องใช้หัวใจ

 

ผมผ่านพบคนที่ใช้หัวใจฝันมาหลายคน

 

ผมเคยถามคุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์ว่า ชีวิตนี้พี่มีความฝันอะไรบ้างที่ยังไม่ได้ทำ และอยากทำให้สำเร็จ คุณหมอสงวนบอกผมว่าความฝันของเขาคือการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหน้าให้กับคนไทย ถึงวันนี้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรคได้เปลี่ยนชีวิตคนไทยไปกว่าสี่สิบล้านคน และส่งต่อความฝันไปถึงคนทั้งโลกอีกนับพันล้านคน

 

 

ผมเคยถามเรื่องความฝันกับดอกเตอร์ทักษิณชินวัตรว่า ทำไมคนที่เป็นมหาเศรษฐีถึงมาทำงานการเมือง ดอกเตอร์ทักษิณบอกผมว่า เขามีโอกาสในชีวิตที่สร้างตัวเองให้มีความสุขได้แล้ว ก็อยากยื่นโอกาสเช่นนี้ให้กับคนอื่นต่อไป ดังนั้นจากมหาเศรษฐีที่เคยแต่ดื่มไวน์ กินสเต็กเนื้อดีดี เมื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรีจึงไม่เพียงแต่ตาดูดาว แต่เท้าต้องติดดิน กินคั่วแมงกุดจี่ กินทอดแมงกีนูน

 

ดังนั้น แม้ความฝันของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป แต่ความฝันที่ใช้หัวใจ ย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนส่วนใหญ่ไปตลอดกาล

 

 

น่าเสียดาย ความฝันที่กลายเป็นความจริงเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ต้องสะดุดหยุดลงด้วยเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จากวันนั้นประเทศไทยก็จมดิ่งลงสู่หลุมดำไม่เคยผงาดขึ้นมาได้อีกเลย

 

เจ็ดปีที่ผ่านมา ก็เป็นเวลาที่ความทุกข์ความมืดมนซ้ำเติมคนไทยทุกคนอีกครั้ง

 

วันนี้เราจะรวบรวมความฝันของทุกคนกลับมาใหม่ พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่สืบทอดเจตนารมณ์มาจากพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน และผ่านร้อนผ่านหนาวล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอด

 

ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งนี้เป็นเพราะถ้าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกระทั่งตัวเองได้แล้วก็ย่อมไม่สามารถไปซ่อมหรือสร้างเพื่อการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาประเทศได้

 

วันนี้จึงเป็นการเริ่มต้นครั้งใหม่ที่รวบรวมพลังปัญญาของทุกคนที่มีอุดมการณ์เพื่อประชาชนเหมือนกันเพื่อปรับเปลี่ยนสร้างใหม่ให้พรรคเพื่อไทยมีศักยภาพในการกลับมาสร้างฝันยิ่งใหญ่ให้ทุกคนอีกครั้ง

 

เรามองว่า เพื่อรับมือวิกฤตต่างๆที่รออยู่ข้างหน้า ทรัพยากรที่สำคัญที่สุดที่เรามีอยู่คือ “คน” ถ้าคนไทยมีปัญญา มีสุขภาพดี มีโอกาสในการสร้างรายได้อย่างเท่าเทียมกัน ประเทศไทยจะสามารถก้าวข้ามทุกวิกฤตได้อย่างแน่นอน

 

ประชาชนจึงต้องได้รับโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะและปัญญาตลอดชีวิต ประชาชนจึงต้องได้รับโอกาสในการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ หรือกล้าลงมือทำความฝันโดยไม่กลัวล้มเหลวเพราะมีหลักประกันรายได้พื้นฐาน ประชาชนจึงต้องมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ไม่ล้มป่วยและตายด้วยโรคที่ป้องกันและควบคุมได้

 

ความฝันเดิมของผมที่เริ่มต้นเมื่อ 20 ปีที่แล้วคือการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

 

มาถึงวันนี้ มีคนถามผมว่าเรื่องการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ยังมีภารกิจที่ค้างอยู่และจะต้องทำต่ออีกไหม

 

ผมตอบได้ทันทีว่า ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอีกมาก เพราะเมื่อผ่านมา 20 ปี มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีการแพทย์และสุขภาพที่เราสามารถนำมาพัฒนาคุณภาพการบริการประชาชน อีกทั้งบทเรียนจากโควิดทำให้เราเห็นจุดอ่อนในระบบบริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานคร

 

 

ผมขอเริ่มต้นที่เรื่องการการกระจายอำนาจและการกระจายทรัพยากรทางสาธารณสุขที่ยังไปไม่ได้ไกลอย่างที่ควรจะเป็นทั้งๆที่เทคโนโลยีดิจิตอลเอื้ออำนวย การพัฒนาคุณภาพของการรักษาพยาบาลใกล้บ้านยังไม่เกิดขึ้น

 

วันนี้เราจึงเห็นคนจำนวนมากโดยเฉพาะผู้สูงอายุต้องเข้าคิวรอเจาะเลือดที่โรงพยาบาลใหญ่ตั้งแต่ตีห้า แล้วรอหมอมาตรวจตอน 9 โมงเช้า ทั้งที่สามารถเจาะเลือดที่คลินิกเครือข่ายใกล้บ้านได้

 

เราจึงเห็นผู้ป่วยจำนวนมากที่แม้อาการคงที่แต่ต้องเดินทางไกลเพื่อมารอรับยาทุกหนึ่งหรือสองเดือนทั้งที่สามารถรับยาจากเภสัชกรในร้านขายยาใกล้บ้าน

 

เราเห็นผู้ป่วยจำนวนมากที่ถูกส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลใหญ่ ต้องนำกระดาษใบส่งต่อมายื่นให้โรงพยาบาลปลายทางทั้งที่วันนี้เรามีเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลสุขภาพอย่างปลอดภัยบนคลาวด์ได้โดยไม่ต้องเป็นภาระของผู้ป่วย

 

เราสามารถนำการแพทย์ทางไกลหรือเทเลเมดิซีนมาใช้ในการให้คำปรึกษาเพื่อดูแลผู้ป่วยด้วยโรคพื้นฐานที่ไม่ซับซ้อนที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลมาถึงโรงพยาบาลอำเภอหรือโรงพยาบาลจังหวัด

 

เราสามารถใช้ระบบข้อมูลอัจฉริยะ เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินทุกคนใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งโดยไม่จำเป็นต้องเรียกหาข้อมูลที่เป็นกระดาษอีกต่อไป

 

ในระดับประเทศ เราต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ เพื่อสร้างเครือข่ายของระบบบริการสาธารณสุขครบวงจรที่เริ่มจากโรงพยาบาลตำบลใกล้บ้าน ต่อเชื่อมกับโรงพยาบาลอำเภอ โรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ที่มีศักยภาพเท่าโรงพยาบาลของคณะแพทยศาสตร์ ทั้งหมดนี้ภายในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตร และผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามารักษาในกรุงเทพมหานครอีก

 

ในทางกลับกัน กรุงเทพมหานครมีปัญหาแตกต่างออกไป เมื่อเกิดการระบาดของโควิดในกรุงเทพมหานคร พบว่า ผู้ป่วยโควิดไม่สามารถเข้าถึงการบริการตรวจรักษาพยาบาลเบื้องต้น เพราะไม่มีระบบการรักษาพยาบาลแบบปฐมภูมิที่สมบูรณ์อยู่ในกรุงเทพมหานคร ถ้าเปรียบเทียบกับต่างจังหวัด 50 เขตของกรุงเทพมหานครคือ 50 อำเภอ และทุกเขตต้องมีโรงพยาบาลขนาด 100 เตียงเช่นเดียวกับในต่างจังหวัด

 

เราควรเริ่มต้นกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารโรงพยาบาลในรูปแบบองค์การมหาชน ส่วนด้านการป้องกันและควบคุมโรค โดยเฉพาะโรคโควิด นอกจากการเร่งฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันป่วยและตายแล้ว เราต้องเร่งพัฒนาระบบการตรวจคัดกรองด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคเช่น DNA Nudge และระบบ AI ปัญญาประดิษฐ์ต่อยอดจากฐานข้อมูลดิจิตอลเพื่อใช้เป็นเครื่องมือของนักระบาดวิทยาและ อสม.

 

ปัจจุบัน ความก้าวหน้าของการดูแลรักษาผู้ป่วยเรื้อรังทั้งโดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยไม่ต้องพึ่งพายา หรือใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพและการแพทย์แม่นยำมารักษาที่สาเหตุต้นตอ

 

อย่างไรก็ตาม ความฝันทั้งหมดนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยถ้าเราไม่มีรัฐบาลที่มาจากประชาชน รัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

 

ดังนั้น เราทุกคนต้องช่วยกันผลักดันความฝันของเราที่เคยร่วมฝันกันไว้เมื่อ 20 ปีที่แล้วอีกครั้ง

 

ถามตัวเองว่า ยังมีความฝันอะไรที่เรายังไม่ได้ทำและมาเปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริงเพื่อประชาชน

วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564

"แพทองธาร" เลือกซื้อของยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้วยตนเอง พร้อมส่งกำลังใจ ขอให้เข้มแข็ง ผ่านพ้นวิกฤตโดยเร็ว

 













"แพทองธาร" เลือกซื้อของยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้วยตนเอง  พร้อมส่งกำลังใจ ขอให้เข้มแข็ง ผ่านพ้นวิกฤตโดยเร็ว

 

ที่ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนรับมอบ ข้าวสาร จำนวน 15 ตันหรือ 3,000 กระสอบ จากโรงสีข้าว ส.ไทยเจริญ จังหวัดสุรินทร์

 

 เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ภาคอีสาน ผ่านทาง ส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายแพทย์โอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย ส.ส. จังหวัดชัยภูมิ นายวันนิวัติสมบูรณ์ ส.ส.จังหวัดขอนแก่น นายแพทย์กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย

 

จากนั้น ที่ร้านเจ้รัช ถนนกลางเมือง ขอนแก่น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เดินทางมาเลือกซื้อ สิ่งของเพื่อการอุปโภคบริโภคเพิ่มเติม โดยตั้งใจมาเลือกซื้อเพื่อนำไปประกอบถุงยังชีพ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้ง ส่วนของแห้งและ สิ่งของที่สามารถเปิดรับประทานได้ทันที อาทิหมูหยอง กุนเชียง ไส้กรอกอีสาน ไก่ย่างเขาสวนกวาง ที่สามารถนำไปอุ่นร้อนพร้อมทาน นอกจากนี้ยังมีขนมสำหรับเด็กๆด้วย

 

ขณะเดียวกัน ยังได้กล่าวแสดงความห่วงใยถึงผู้ประสบอุทกภัยและขอให้ผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤตนี้ไปให้ได้

" ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง ภัยธรรมชาตินี้จะผ่านไปได้เร็วที่สุด ขอให้ทุกคนมีกำลังใจกันมากๆ ถ้าได้รับของแล้ว ทานให้อิ่ม นอนพักจะได้มีแรง สำหรับวันพรุ่งนี้" นางสาวแพทองธาร กล่าว

แฟชั่นโชว์ "ครามสกล" สุดปัง! กลางที่ประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย สะท้อนมุมมองอีสาน พลังภูมิปัญญา และ Soft power เพื่อโอกาสพี่น้องประชาชน

 












แฟชั่นโชว์ ‘ครามสกล’ ครั้งแรกของการประชุมใหญ่พรรคการเมืองในประเทศไทย นำเสนอมุมมองใหม่ของความเป็นอีสาน พลังแห่งภูมิปัญญา วิทยาศาสตร์ และ soft power ที่พรรคเพื่อไทยมองเห็นคุณค่าและโอกาสสำหรับพี่น้องประชาชน

.

ส.ส. พรรคเพื่อไทย นำโดย วันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น , สุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ส.ส.กทม. , ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. , นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร , จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด , ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย , จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ , กิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี  , อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และ ชญาภา สินธุไพร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ร่วมกันเดินแฟชั่นโชว์ในชุดผ้าย้อมครามสกลบนเวทีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 พรรคเพื่อไทย “พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ปลุกความหวัง คืนความฝันให้พี่น้องประชาชนกันอีกครั้ง ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น ประกอบดนตรีแนวอีสานฟิวชั่นที่นำทำนองดนตรีพื้นบ้านอีสานผสมผสานกับดนตรีสากลอย่างลงตัว

.

สำหรับผ้าย้อมครามสกล นับเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านของชาวจังหวัดสกลนคร ซึ่ง ‘สกุณา สาระนันท์’ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย และชาวบ้านในพื้นที่ได้ร่วมกันพัฒนาต่อยอดยกระดับให้เป็นสินค้าเศรษฐกิจฐานราก โดยได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ซึ่งเม็ดสีครามยังสามารถพัฒนาสู่มิติอื่นๆ ได้ อาทิ อาหาร เวชสำอางค์ หรือแม้แต่ ออร์แกนิคเซมิคอนดักเตอร์ (organic-semiconductor) ที่มีศักยภาพในทางการแพทย์ ซึ่งต้นแบบโอทอปในมิติใหม่ ที่เพื่อไทยอยากให้เป็น

.

สำหรับ โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP ก็เป็นโครงการหนึ่งในนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาลไทยรักไทย ที่นำโดย ดร.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งประสบความสำเร็จและได้รับการชื่นชมอย่างมากจากพี่น้องประชาชน

.

หัวใจของการพัฒนาสินค้า OTOP คือ การสร้างสินค้าที่มีอัตลักษณ์ จากทรัพยากรและวัฒนธรรม

ให้เป็นของดีประจำท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อให้เกิดอาชีพ เกิดรายได้ของคนในชุมชน และวันนี้ถึงเวลาของวันใหม่ของ OTOP ซึ่งพรรคเพื่อไทย เล็งเห็นความสำคัญ คุณค่าและโอกาสของสินทรัพย์จากภูมิปัญญาเหล่านี้ให้เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของคนไทย และพร้อมจะผลักดันสินทรัพย์จากภูมิปัญญาของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

.

#พรุ่งนี้เพื่อไทย #เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2564

พรรคเพื่อไทย ขับ "ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ และ พรพิมล ธรรมสาร" พ้นจากความเป็นสมาชิกพรรค

 



 

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงมติคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ว่าได้พิจารณารายงานการสอบสวนวินัยและจริยธรรมของคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม แล้วมีมติดังนี้

1.      นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ที่มีพฤติการณ์กล่าวหาพรรคและผู้บริหารของพรรคด้วยการแถลงต่อสื่อมวลชนหลายครั้งติดต่อกัน อันมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค เป็นการทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของพรรค ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรคอย่างร้ายแรง การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ.2561 ข้อ 19(3) และ (8) และเป็นการกระทำผิดวินัยและจริยธรรมของการเป็นสมาชิกพรรคตามข้อบังคับพรรคข้อ 113 (3) และ (5) จึงเห็นชอบด้วยมติเอกฉันท์ให้ลงโทษนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ด้วยการให้พ้นจากสมาชิกภาพตามข้อบังคับพรรคข้อ 118 (4) ตามความเห็นของคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม

2.      นางสาวพรพิมล ธรรมสาร มีพฤติการณ์ ฝักไฝ่พรรคการเมืองอื่น ไม่ยึดมั่นในเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของพรรค อีกทั้งเป็นการกระทำผดซ้ำสองในพฤติการณ์เดียวกัน ซึ่งพรรคเคยมีมมติลงโทษไปแล้ว ตามคำสั่งพรรคเพื่อไทยที่ 0045/2563 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งการฝักไฝ่พรรคการเมืองอื่นของนางสาวพรพิมล ธรรมสาร ถือเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ.2561 ข้อ 19(3) และ (7)  และถือเป็นการกระทำผิดวินัยและจริยธรรมของการเป็นสมาชิกพรรคตามข้อบังคับพรรคข้อ 113 (2) (3) และ (12) จึงเห็นชอบด้วยมติเอกฉันท์ให้ลงโทษนางสาวพรพิมล ธรรมสาร ด้วยการให้พ้นจากสมาชิกภาพตามข้อบังคับพรรคข้อ 118 (4)  ตามความเห็นของคณะกรรมการวินัยและจริยธรรม

จากนั้น จึงนำเข้าสู่ที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยมีจำนวนกรรมการบริหารพรรคและส.ส. 143 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 135 คน ผลการลงคะแนน ปรากฏว่า

1.      นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ มีผู้ลงคะแนนเห็นด้วยกับมติกรรมการบริหารพรรค 131 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง

2.      นางสาวพรพิมล ธรรมสาร มีผู้ลงคะแนนเห็นด้วยกับมติกรรมการบริหารพรรค 134 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 0 เสียง

ดังนั้น จึงถึอว่ามติที่ให้นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ และ นางสาวพรพิมล ธรรมสาร พ้นจากสมาชิกภาพของการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยมีเสียงเห็นด้วยไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 หรือ 108 เสียง ดังนั้น นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ และ นางสาวพรพิมล ธรรมสาร จึงพ้นจากความเป็นสมาชิกภาพ พรรคเพื่อไทยนับแต่วันนี้เป็นต้นไป

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564

"พานทองแท้ ชินวัตร" ลุยน้ำท่วม ให้กำลังใจพร้อมมอบสิ่งของผู้ประสบอุทกภัย จ.ชัยภูมิ


 












"พานทองแท้ ชินวัตร" ลุยน้ำท่วม ให้กำลังใจพร้อมมอบสิ่งของผู้ประสบอุทกภัย จ.ชัยภูมิ

นายพานทองแท้ ชินวัตร และคณะ ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วมในพื้นที่อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ โดยในวันนี้ นายพานทองแท้ ชินวัตร และคณะได้เดินทางมาร่วมลงพื้นที่เพื่อรับมอบสิ่งของ จำเป็นเพื่อการอุปโภคบริโภค ให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อนด้วยตัวเอง โดยกำหนดการรับมอบสิ่งของตามจุดต่างๆ นั้น เริ่มต้นที่ บ้านแก่งโก อ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา / สะพานข้ามลำน้ำก่ำ บ้านโนนสะอาด - กุดโดน ต.โนนสะอาด / บ้านลำชี /และสิ้นสุดการรับมอบสิ่งของในพื้นที่ตัวอำเภอเมืองชัยภูมิ

 

สำหรับบรรยากาศของการลงพื้นที่ในวันนี้ แม้ ประชาชนในพื้นที จะต้องเผชิญกับอุทกภัย แต่ก็ยังออกรอพบนายพานทองแท้และคณะตลอดเส้นทาง  พร้อมขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และ ได้บอกเล่าถึงความทุกข์ยาก ระหว่างที่ต้องทนกับสถานการณ์อุทกภัย

 

ซึ่ง นายพานทองแท้เดินทางมาให้กำลังใจประชาชน รวมถึงผู้ประสบอุทกภัย อย่างเป็นกันเอง ขนาดเดียวกัน ประชาชนในพื้นที่ ได้ฝากความคิดถึงไปยังอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรด้วย

 


ภาพบรรยากาศ คุณโอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร ลงพื้นที่มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ จ.ชัยภูมิ







ภาพบรรยากาศ คุณโอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร ลงพื้นที่มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ ให้กับพี่น้อง บ้านแก่งโก อ.แก้งสนามนาง, บ้านโนนสะอาด-กุดโดน บริเวณสะพานข้ามลำน้ำก่ำ ต.โนนสะอาด อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ


17 ปีความจริงปรากฏ! "ไพศาล พืชมงคล" ยืนยันชัดเจน "ทักษิณ ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์กรือเซะ!!!" ย้ำไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ

  02 ธ.ค. 2564 - นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊กในสหัวข้อ “ทักษิณไม...