วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2564

"วันนิวัติ" ห่วงด่านหน้าต่างจังหวัดขาดวัคซีน-อุปกรณ์ป้องกัน จวกประยุทธ์ตาบอดคลำช้าง ละเลยไม่เคยเรียนรู้

 



 

นายวันนิวัติ สมบูรณ์  ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การสั่งปิดแคมป์ก่อสร้างและการประกาศมาตรการเข้มข้นใน 10 จังหวัดที่มีการระบาดหนักของโควิด-19 ที่ผ่านมา ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกหย่อมหญ้า หลายคนตกงานและกิจการขนาดเล็กได้รับผลกระทบหนัก แม้จะมีมาตรการเยียวยาออกมาแล้วแต่ไม่สามารถชดเชยความเสียหายจากการระบาดทั้ง 3 ระลอกได้เลย  สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการบริหารที่ผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ ผอ.ศบค. ที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า การจะแก้ตัวขอประชาชนให้อภัยและโยนบาปให้คนอื่นเหมือนอย่างเดิมคงทำไม่ได้อีกต่อไป

 

นายวันนิวัติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อในจังหวัดขอนแก่นเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากเมื่อวันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน มีผู้ติดเชื้อจำนวน 2 คน  เพิ่มขึ้นเป็น 33 คนในวันที่ 29 มิถุนายน จึงมีความเป็นห่วงกลุ่ม อสม. กำนันผู้ใหญ่บ้าน และตำรวจ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่แนวหน้าที่ต้องทำงานหนัก กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อที่น่าเห็นใจ เพราะไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน และบางรายยังไม่ได้รับวัคซีน เช่น ตำรวจในขอนแก่นได้รับวัคซีนซิโนแวค 1,471 คน หรือ 57% ของตำรวจทั้งหมด  จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์เข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนด้วย

 

“พลเอกประยุทธ์มีบทเรียนจากเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกันเหมือนกรณีล็อกดาวน์ระลอกแรกช่วงปีใหม่และช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ที่สร้างผลกระทบในวงกว้าง แต่รัฐบาลไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเลย  การประกาศมาตรการจากส่วนกลาง  ไม่มีการสื่อสารกับพื้นที่ ไม่มีแนวนโยบายที่ชัดเจนกับประชาชน ปล่อยให้เกิดปัญหาแล้วตามแก้ แต่ก็แก้ไม่สุด เหมือนตาบอดคลำช้าง ทำไปแก้ไป หากจะอ้างว่าเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่เคยเกิดขึ้น ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะประชาชนทนอยู่กับความล้มเหลวซ้ำซากมาเป็นปีๆ พลเอกประยุทธ์ก็ยังบริหารและจัดการผิดพลาดเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้หนักกว่าเดิม เพราะนอกจากไม่มีวัคซีนแล้ว ยังไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสมให้กับเจ้าหน้าที่อีกด้วย”  นายวันนิวัติ กล่าว

เชิญร่วมลงชื่อ เรียกร้องรัฐบาลเรื่องการนำเข้า mRNA วัคซีนสำหรับโรคโควิด 19 เป็นกรณีเร่งด่วน

 


แถลงการณ์ของบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเพื่อเรียกร้องการนำเข้า mRNA วัคซีนสำหรับโรคโควิด 19 เป็นกรณีเร่งด่วน

       เนื่องจากสถานกาณ์การติดเชื้อของโรคโควิด 19 ในประเทศไทย มีความน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง จำนวนการคนติดเชื้อและการเสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ทางบุคคลากรทางการแพทย์มีความเป็นห่วงว่าสถานการณ์อาจจะแย่ลงได้เนื่องจากสายพันธ์ุเดลต้า มักจะมีการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วกว่าสายพันธ์ุอื่นๆ

 

       ในมุมมองทางการแพทย์ ในขณะนี้ประเทศไทยมีจำนวนบุคลากรจำกัด วัสดุอุปกรณ์รวมถึงสถานที่ที่จำเป็นในการรองรับผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยวิกฤตมีความจำกัด ทางบุคลากรทางการแพทย์ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการเร่งการนำเข้า mRNA วัคซีน ซึ่งในทางการแพทย์ถือว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง** จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง ในแง่การป้องกันการเสียชีวิต และป้องกันการแพร่ระบาดได้สูง โดยจะนำมาซึ่งประโยชน์ต่อการควบคุมโรคโควิด 19

 

            ทางกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าขอเรียกร้องให้รัฐบาล รวมถึงองค์การเภสัชกรรมมีการนำเข้า mRNA vaccine (Pfizer และ Moderna) เข้ามาเป็นการเร่งด่วน เพื่อทำการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนต่อไป

ด่วน! หมอศิริราช เผยพบโควิดเดลต้า(อินเดีย) เกินครึ่งของโรงพยาบาลแล้ว เตือนระบาดระลอกสี่ เด็ก-คนท้อง-คนชรา เสี่ยงสูง

 


 

นายแพทย์นิธิพัฒน์ เจียรกุล แพทย์โรงพยาบาลศิริราช โพสต์เฟซบุ๊ก ที่เพจนิธิพัฒน์ เจียรกุล เตือนเด็ก คนมีครรภ์ และคนชราว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่อาจได้รับการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิดเดลต้า(อินเดีย) ได้รวดเร็วและรุนแรงกว่าคนในกลุ่มเสี่ยงอื่น เนื่องจากสุ่มตรวจพบมีเชื้อในผู้ป่วยน่าจะเกิดครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยทั้งหมดแล้ว

“จากข้อมูลจากการสุ่มตรวจเมื่อราวสิบวันก่อน ในศิริราชพบสายพันธุ์เดลต้าประมาณ 30% ถ้าถึงวันนี้น่าจะเกินครึ่งไปแล้ว สัปดาห์นี้จะลองส่งตรวจในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงดูว่าจะพบคิดเป็นสัดส่วนเท่าไร สายพันธุ์นี้นอกจากจะแพร่ได้ง่ายไปสู่ทั้งเด็ก คนท้อง และคนชรา ยังอาจจะเกิดปอดอักเสบได้เร็วและได้แรงกว่าสายพันธุ์เดิมๆ ที่เราคุ้นเคย นี่เป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้เรียกการระบาดช่วงนี้เป็นระลอกสี่ และเป็นตัวชี้ขาดหนึ่งในความยากง่ายของการควบคุมโรคภายหลังเริ่มใช้มาตรการต่างๆ ที่เผยโฉมให้ชัดเจนวันนี้ คงต้องลุ้นกันตัวโก่งเหมือนบอลยูโรที่มาได้ครึ่งทางของรอบ 16 ทีมแล้ว

ในบรรดาผู้ป่วยทั้ง 7 รายที่ดูแลอยู่ตอนนี้ สองในเจ็ดน่าจะมาจากสายพันธุ์เจ้าปัญหา วันนี้ย้ายผู้ป่วยเก่าได้สองรายและนำรายใหม่เข้ามาแทน คาดว่าเจ้าตัวร้ายคงกลายเป็นขาใหญ่ของที่นี่แทนคือ 4 จาก 7 ราย ที่น่าสนใจคือผู้ป่วย 3 รายเป็นอาจารย์อาวุโสของผมเอง ทุกท่านแม้อยู่ในวัยเกือบหรือเกิน 80 แล้ว แต่ยังแข็งแรงดีและไม่มีโรคหรือภาวะเสี่ยงชัดเจน ที่สำคัญคือทั้งหมดหาต้นตอคนนำเชื้อมาให้ได้ไม่ชัดเจน แสดงถึงมีการลุกลามของเชื้อเข้าไปในชุมชนวงกว้าง ซึ่งเป็นอีกสัญญาณบ่งชี้ของการระบาดระลอกสี่ ภาวนาให้เหล่าครูทุกท่านได้รับผลดีของการดูแลรักษาโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหรือเรื้อรัง นี่ช่วยตอกย้ำอีกครั้งว่า วัคซีนที่กำลังจะได้มาในเดือนหน้า จะต้องเร่งฉีดให้กับผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรังเป็นอันดับต้นๆ

 

ภาพประกอบจาก  https://news.liverpool.ac.uk/2017/09/13/hepatitis-delta-virus-africa-global-challenge/

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ด่วน! อย.แจ้ง วัคซีนซิโนแวค หากมีลักษณะเป็น "เจลใสติดในขวด" ให้หยุดฉีดทันที

 


นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ออกประกาศเรื่อง แจ้งเตือนเฝ้าระวังการเก็บรักษาวัคชีนด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย. ได้รับรายงานวัคซีน C) รุ่นการผลิต C202105079 เลขทะเบียน 1C 3/64 (NBC) รุ่นการผลิต C202105079 วันที่ผลิต 10.05.2021 วันหมดอายุ 09.11.2021 มีลักษณะสารละลายของวัคซีนมีการรวมตัวเป็นเจลใสติดบริเวณด้านในของขวดวัคซีน และเจลดังกล่าวไม่หายไปหลังการเขย่า ซึ่งจากรายงานพบเพียงในแหล่งฉีดวัคซีนบางแห่งเท่านั้น

 

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พิจารณาแล้วเห็นว่า ปัญหาดังกล่าวอาจเกิดจาก กระบวนการเก็บรักษาและการขนส่งที่ไม่ควบคุมอุณหภูมิให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุมัติในทะเบียนตำหรับยา คือ 2.8 องศาเซลเชียส ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ใด้รับวัคซีนที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และปลอดภัย

 

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงเห็นควรให้แจ้งเตือนเฝ้าระวังการเก็บรักษาวัคซีนให้เป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการวัคซีน ของกรมควบคุมโรคซึ่งระบุคำแนะนำสำหรับการเก็บรักษาวัคซีนโควิด-19 ของ บริษัท Sinovac Life Sciences จำกัด ให้เก็บไว้ที่ชั้นกลางหรือชั้นที่ 2 ของตู้เย็น และห่างจากจุดปล่อยความเย็น

 

ทั้งนี้ หากท่านพบลักษณะของปัญหาดังกล่าว ขอไห้ระงับการฉีดวัคซีนรุ่นการผลิตที่พบและแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป

แจกหมูร้อยโล!! เสี่ยขายหมูซอยมัยลาภใจบุญ แจกหมูสดให้คนงานก่อสร้าง คนขับแท็กซี่ และคนตกงาน บรรเทาความเดือดร้อนช่วงโควิด

 


 









 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเฟซบุ๊กไอดี นายปกรณ์ พรชีวางกูร เจ้าของร้านขายเนื้อหมูย่านซอยมัยลาภ ประกาศแจกหมูรวม 100 กิโลกรัมให้กับคนงานในแคมป์ก่อสร้าง คนขับรถโดยสาร และคนตกงาน ที่อยู่บริเวณย่านรามอินทรา เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อน เนื่องจากมากตรการปิดแคมป์ของภาครัฐ ทำให้ไม่สามารถทำงานและต้องอาศัยอยู่ในแคมป์ก่อสร้าง โดยนายปกรณ์ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า  ใครสะดวก ช่วยมาเอาหมูบด65โลไปแจกพวกคนงานก่อสร้างให้ทีดิ มีคนใจดีโอนเงินมาซื้อหมู แล้วให้ช่วยแจกให้ด้วย

 

ภายหลังจากการประกาศแจกหมูสดแก่คนงานก่อสร้างเพื่อนำไปประกอบอาหารเผยแพร่ออกไป พบว่ามีอาสาสมัครและคนงานก่อสร้าง และคนขับรถโดยสารจำนวนมาก มารับเนื้อหมูจากที่ร้านหมูในซอยมัยลาภ ไปส่งต่อให้กับคนงานก่อสร้างในแคมป์ต่างๆ โดยมีแจกหมูไปที่แคมป์ก่อสร้างย่านบางนา 15 ก.ก. แคมป์ก่อสร้างซอยโปโล 15 ก.ก. ทีมพิราบขาวนำไปตะเวนแจกคนยากจน 20 ก.ก. แคมป์ก่อสร้างซอยพหลโยธิน56 15 ก.ก. กลุ่มนักดนตรีและคนทำอาชีพกลางคืนที่ต้องตกงานจำนวนหนึ่ง ซึ่งมารับหมูจากร้านนายปกรณ์ ก็อาสามารับหมูไปช่วยแจกด้วยอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งสองวันแจกหมูไปทั้งสิ้น 100 กิโลกรัม

นายปกรณ์กล่าวว่า ภายหลังประกาศปิดแคมป์คนงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สังเกตเห็นคนงานจำนวนมาก ที่ไม่ได้กลับบ้านต่างจังหวัด ต้องอยู่ในแคมป์ และพบว่ามีความยากลำบากในการออกมาจัดซื้ออาหาร  ตนจึงคิดโครงการแจกเนื้อหมูให้คนงานก่อสร้าง คนขับรถโดยสาร คนทำงานอาชีพกลางคืนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด โดยหวังให้เป็นกำลังใจเล็กน้อยๆ ให้สู้ฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน โดยมีเพื่อนๆ ร่วมสมทบทุนมาด้วยจำนวนหนึ่ง จึงขอขอบคุณผู้ใจบุญทุกคนมาในโอกาสนี้" นายปกรณ์กล่าว

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ยายวัย 83 รอเตียงโควิด 10 ดับ เพื่อนบ้านแจ้ง เดลิเวอร์รี่ ส่งของกินของใช้ให้ยาย ซอยเจริญกรุง 109 แยก 6 กักตัวด่วน!




 

ยายวัย 83 ติดโควิดเสียชีวิตในบ้าน ซอยเจริญกรุง 109 แยก 6 เพื่อนบ้านแจ้ง “เดลิเวอร์รี่” ที่เคยมาส่งของกิน-ของใช้ให้คุณยาย รีบกักตัวและตรวจหาเชื้อด่วน! 


นายปวิน แพทยานนท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางคอแหลม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยเรื่องราวสลดใจว่าระหว่างลงพื้นที่ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ในซอยเจริญกรุง 109 หลังโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าคุณยายอายุ 83 ปีที่อาศัยอยู่ในซอยเจริญกรุง 109 แยก 6 ติดเชื้อโควิด-19 กักตัวอยู่ภายในบ้านประมาณ 10 วัน เสียชีวิตโดยมีลูกสาวอยู่เฝ้าศพแม่ภายในบ้านและลูกสาวก็ติดเชื้อโควิดด้วย เมื่อทีมงานไปถึงได้โทรศัพท์คุยกับลูกสาวทราบว่า คุณยายน่าจะติดเชื้อโควิดมาจากลูกสาวที่ไปทำงานนอกบ้าน คุณยายก็กักตัวดูอาการอยู่ในบ้าน มีไข้ขึ้นสูง มีอาการไอ  โดยลูกสาวก็พยายามติดต่อประสานโรงพยาบาลแต่ก็ได้รับแจ้งแค่ให้รอเตียงและกักตัวอยู่บ้านไปก่อน ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะเสียชีวิตเร็วขนาดนี้ โดยมูลนิธิร่วมกตัญญูมารับศพไปฌาปนกิจทันทีที่วัดด่าน ถนนพระราม 3 โดยที่ญาติพี่น้องไม่สามารถไปร่วมงานได้เลยแม้แต่คนเดียว  ส่วนลูกสาวมีอาการไอ ไข้ขึ้นสูง เสียงแหบแห้ง และเหนื่อยตลอดเวลา ทีมงานจึงประสานโรงพยาบาลมารับตัวลูกสาวไปรักษาทันทีได้ในค่ำวันเดียวกัน

.

จากการสอบถามเพื่อนบ้านทราบว่า คุณยายเป็นคนค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัว เพื่อนบ้านจึงไม่ทราบมาก่อนว่าคุณยายติดเชื้อโควิดมาแล้วหลายวัน แต่เพิ่งทราบเมื่อ 3 วันที่แล้ว จึงรีบประสานทีมผู้สมัคร เขตบางคอแหลม พรรคเพื่อไทย เข้ามาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในซอยไปแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อนบ้านตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ตลอดเวลาที่กักตัวอยู่ในบ้าน 10 กว่าวัน จะมีรถเดลิเวอร์รี่อาหารและของใช้หลากหลายยี่ห้อ มาส่งอาหารและของใช้ที่หน้าบ้านคุณยายแทบทุกวัน  เพื่อนบ้านเห็นว่า คุณยายออกมาพูดคุยรับสินค้าและชำระเงินกับพนักงานขับรถเป็นปกติ มิได้เว้นระยะห่างแต่อย่างใด จึงเป็นกังวล จึงฝากแจ้งว่าพนักงานขับรถเหล่านั้นว่าถ้าใครมาส่งอาหารหรือของใช้ให้คุณยายในซอยเจริญกรุง 109 แยก 6 ในช่วงเวลาประมาณ 10 วันที่ผ่านมานี้ ก็ควรรีบกักตัวเองและไปตรวจหาเชื้อทันที 


“เคสคุณยาย รอเตียงมา 10 วันจะเสียชีวิตในบ้านเป็นเรื่องสลดมาก แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าคือเพื่อนบ้านบอกว่า พบเห็นรถเดลิเวอร์รี่ อาหารและของใช้ จากหลากหลายร้านค้ามาส่งให้คุณยายแทบทุกวันโดยไม่ได้เว้นระยะห่าง จึงอยากแจ้งพนักงานเดลิเวอร์รี่ ที่เคยมาส่งอาหารและของใช้ให้คุณยายในซอยเจริญกรุง 109 แยก 6 ในช่วงระยะเวลา 10 วันที่ผ่านมา รีบกักตัวเองและไปตรวจหาเชื้อเพื่อความปลอดภัยโดยเร็วที่สุดครับ” นายปวิน กล่าว.

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2564

“เตียงเต็มแล้วค่ะ กักตัวเองไปก่อน” ยายทรุดคาโทรศัพท์ หลังจากทราบติดเชื้อยกบ้าน 5 ชีวิต โทรไปไหนก็มีแต่บอกให้รอ!



นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตลาดกระบัง พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า วิกฤตเตียงโรงพยาบาลที่เขตลาดกระบังอยู่ในขั้นสาหัส พบหลายครอบครัวติดเชื้อโควิดยกบ้านแต่ไม่ปรากฏอาการ ทั้งนี้จากการลงพื้นที่แฟลตเกรียงไกร เคหะร่มเกล้า พบครอบครัวคุณยายครอบครัวหนึ่ง อาศัยอยู่รวมกัน 5 คน มีคุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ เด็กชายวัย 11 ขวบ และ เด็กเล็กวัย 11 เดือน ทั้งหมด 5 คนไปตรวจคัดกรองเชื้อที่รถตรวจเชื้อวัดสามัคคีธรรม ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน และได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อหมดทั้งครอบครัว โดยคุณยายมีโรคประจำตัวเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เริ่มมีอาการไข้ขึ้นสูงและหายใจไม่สะดวก ครอบครัวนี้พยายามโทรไปเบอร์สายด่วน สปสช.เบอร์ 1330 สายด่วนกรมการแพทย์ เบอร์ 1668 และสายด่วนสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เบอร์ 1669 แต่เจ้าหน้าที่ทุกเบอร์สายด่วนแจ้งว่า เตียงเต็มแล้ว และแนะนำให้ให้ทานยาลดไข้ตามอาการไปก่อน และรอการติดต่อกลับอีกครั้ง จึงทำให้ครอบครัวดังกล่าวกังวลเพราะมีผู้ติดเชื้อทั้งผู้สูงอายุและเด็กเล็กอาศัยในห้องเช่าเดียวกันเล็กๆ


“ขณะนี้เกิดวิกฤตคนติดเชื้อต้องรอเตียงโรงพยาบาล ทั้งผู้ป่วยวิกฤตระดับสีแดง และผู้ป่วยระดับสีเหลือง โดยเฉพาะเขตรอบนอกกรุงเทพฯ มีผู้ป่วยซุกไว้ตามแฟลต คอนโด ห้องเช่ารอเตียงจำนวนมากอย่างไร้ความหวัง เมื่อโทรเข้าไปสายด่วนก็บอกว่าเตียงเต็มแล้ว ให้กักตัวเองในบ้าน แต่มาตราการกักตัวอยู่ในบ้านที่มีสมาชิกในครอบครัวอยู่อย่างแออัด ยิ่งกลายเป็นแพร่เชื้อหนักเพิ่มขึ้น จึงอยากให้ภาครัฐแก้ไขปัญหาโดยด่วนทันทีก่อนที่จะเกิดวิกฤตผู้ป่วยล้นออกมานอกโรงพยาบาลเหมือนประเทศอินเดีย” นายสุรจิตต์ กล่าว

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2564

สุดเศร้า สาวท้องแก่ติดโควิดตายพร้อมลูก!


 

ภารกิจ ที่สุดจะบรรยาย วันที่ 23 มิถุนายน 2564

.

อีก1เดือน ก็จะคลอดลูกแล้ว แต่โชคชะตาช่างโหดร้ายเหลือเกิน ผู้เป็นแม่ติดเชื้อจากโรคระบาด จึงทำให้ลูกน้อยวัย8เดือนในครรภ์ได้รับชะตาเดียวกัน .

หลังจากที่ผู้เป็นแม่ได้เสียชีวิตลง ทางคณะแพทย์ได้ผ่าเอาลูกน้อยในครรภ์ออกมาไว้ในอ้อมกอด อันอบอุ่น  ของผู้เป็นแม่ ตลอดไป

.

วัดราษฎร์ประคองธรรม และมูลนิธิสยามนนทบุรี

ได้ร่วมกัน ส่งให้สองแม่ลูกนี้เดินทางไปสรวงสวรรค์

ณ. ฌาปนสถานวัดเสาธงหิน

.

ขอขอบคุณท่านผู้ใจบุญที่ได้ร่วมบริจาคทรัพย์

จัดซื้อโลงศพสำหรับ ผู้เสียชีวิตที่มีรูปร่างอ้วน

ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ร่วมกันบริจาคปัจจัยจัดซื้อ

รถพยาบาลคันใหม่เพื่อออกไปช่วยเหลือ

ผู้คนที่ป่วยเป็นโรคระบาด บริจาคโลงศพใส่คนอ้วน

ออมสิน020156779041 วัดราฏร์ประคองธรรม

เครดิตภาพ จากเพจวัดราฏร์ประคองธรรม









พงศกร-พลภูมิ-ชญาดา​ มอบเงินช่วยเหลือ​ 2 พ่อลูกติดโควิด​ เชื้อลงปอด​รักษายังไม่หายแต่หมอให้ออกจาก​ รพ.​ มาอยู่ห้องเช่า​ เหตุเตียงไม่พอ​

 









จากกรณี​ 2ชีวิตสิ้นหวัง​ โควิดลงปอด​ วอนสังคมช่วยเหลือ​ เหตุวิกฤตเตียงไม่พอ! 2 พ่อลูก ติดเชื้อโควิดลงปอด รักษายังไม่หายแต่หมอให้ออกจาก​ รพ.​ กลับมารักษาตัวเองในห้องเช่า​ สุดทรมานหายใจลำบาก​ เพื่อนบ้านช่วยกันลงขันเช่าเครื่องผลิตออกซิเจนยื้อชีวิต ลูกร่ำไห้ใกล้เรียนจบขอพ่อหายปกติได้ถ่ายรูปรับปริญญาคู่กันสักครั้ง  สุดสงสารไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องต้องย้ายออกสิ้นเดือนนี้แต่ยังไร้ที่ไป​ ไร้ญาติ  ส่วนค่าน้ำค่าไฟเพื่อนบ้านช่วยกันจ่ายให้

เช้าวันนี้ 23 มิถุนายน​ นายพลภูมิ​ วิภัติภูมิประเทศ​  โฆษกคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค​ สภาผู้แทนราษฎร​ พร้อมด้วยนางชญาดา​ วิภัติภูมิประเทศ​ ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการฯ​ และนายพงศกร​ รัตนเรืองวัฒนา​ ว่าที่ผู้สมัคร​ ส.ก.เขตบางกะปิ​ พรรคเพื่อไทย​ ในฐานะที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการฯรุดลงพื้นที่แฟลตเคหะคลองจั่น​ ตึก​ 6​ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือ​ และมอบสิ่งของจำเป็นให้คุณลุงขับแท็กซี่อายุ​ 67​ ปี​ และลูกชายอายุ​ 21​ ปี​ สองพ่อลูกติดโควิด​ เชื้อลงปอด​ อาการหนัก​ ส่วนลูกชายติดเชื้อในกระแสเลือด​ด้วย และมีโรคประจำตัวเป็นโรคลมชัก​ ตอนนี้ก็ยังช่วยเหลือตัวเองลำบาก แต่หมอ​โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี​ ให้ออกจาก​ รพ.​ มาอยู่ห้องเช่า​ อ้างเตียงไม่พอ ต้องให้ผู้ป่วยใหม่ได้รักษา​ เพื่อนบ้านสุดสงสาร​ ไร้ญาติดูแล​ ช่วยกันลงขันเช่าเครื่องผลิตออกซิเจนช่วยหายใจ​ยื้อชีวิต​คุณลุง​ ที่ยังนอนนิ่งช่วยตัวเองไม่ได้

นายพลภูมิ กล่าวว่าจะเร่งประสานงาน​ และยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มที่​ เคสนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิกฤตขาดแคลนเตียง​อย่างสาหัส และระบบการบริหารจัดการล้มเหลว​ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของหมอไม่ใช่ความผิดของเจ้าหน้าที่บุคลากรทางแพทย์​ เพราะทุกท่านทำงานอย่างหนักเสียสละและเหนื่อยล้า แต่เป็นการล้มเหลวเรื่องการบริหารจัดการ​ และแผนเตรียมการรับมือ​

ลูกชายวัย​ 21​ ปี​ เล่าให้นายพงศกร​ฟังว่า​ คุณพ่อเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี​ประมาณ​ 1​ เดือน​ ใช้สิทธิ์รักษาฟรี​ ส่วนตนนอนที่โรงพยาบาลเดียวกัน​ ประมาณ​ 15​ วัน​ สุดงง​ เมื่อหมอบอกว่าเชื้อแห้งแล้วไม่แพร่กระจายแล้วให้กลับบ้านได้​ ทั้งที่ยังไม่หายดี​ คุณพ่อยังยืนไม่ได้​ ยังต้องใช้เครื่องผลิตออกซิเจนช่วยหายใจ​ ส่วนตนเองก็ยังช่วยเหลือตัวเองลำบาก​ หอบเหนื่อย​ หายใจลำบาก​ เมื่อบอกหมอว่าขออยู่โรงพยาบาลต่อ​ หมอตอบกลับว่าเตียงไม่พอ​ ต้องให้ผู้ป่วยใหม่เข้ารักษา

"คุณหมอน่าจะคิดว่าให้ผมกับพ่อกลับมาอยู่บ้านคงมีญาติคอยดูแล​ แต่ความจริงแล้ว​เราอยู่กัน 2พ่อลูกตามลำพังไม่มีญาติ​ โชคดีที่เพื่อนบ้านสงสารคอยส่งอาหารให้​ และช่วยกันรวมเงินไปจ่ายค่าเช่าเครื่องผลิตออกซิเจนมาให้พ่อผม​ ผมอยากให้คุณพ่อได้กลับไปรักษาที่โรงพยาบาลจนกว่าอาการจะดีขึ้น​ จนกว่าจะเดินได้​ เพราะตอนนี้คุณพ่อช่วยเหลือตัวเองไม่ได้​ ผมรู้สึกกังวลใจ​ เพราะบางวันผมก็อาการแย่หายใจไม่สะดวก​ ไม่มีแรง​ แต่ต้องกัดฟันช่วยพยุงคุณพ่อให้ลุกขึ้นมานั่งกินข้าว​ บางครั้งต่างคนต่างไม่มีแรงก็ล้มลุกคลุกคลานทั้งพ่อทั้งลูก" ลูกชายวัย21ปี​ กล่าว

ด้านป้าเพื่อนบ้าน เล่าให้ฟังว่าคุณลุงเป็นคนดีมีน้ำใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น​ เพื่อนบ้านจึงรัก​ คาดว่าที่ติดโควิดน่าจะติดมาจากผู้โดยสาร​ เพราะคุณลุงขับแท็กซี่หาเช้ากินค่ำ​ ถึงแม้รู้ว่าเสี่ยงติดเชื้อ​ แต่ก็ต้องหาเงินเลี้ยงปากท้องและส่งลูกชายเรียนหนังสือ​ ซึ่งลูกชายวัย​ 21​ ปี​ เป็นเด็กนิสัยดี ตั้งใจเรียน เก่งภาษาญี่ปุ่น​มาก ใกล้เรียนจบที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง​ คณะมนุษยศาสตรํ  เอกภาษาญี่ปุ่น​ ​ ร่ำไห้ภาวนาขอให้ได้ถ่ายรูปชุดครุยกับพ่อ​สักครั้ง​  สุดสงสาร​ ลูกชายวิงวอนขอความช่วยเหลือค้างค่าเช่าห้อง​ กำลังจะโดนให้ย้ายออกสิ้นเดือนนี้​ ส่วนค่าน้ำค่าไฟเพื่อนบ้านใจบุญช่วยกันระดมทุนจ่ายให้

🔴ผู้เมตตาที่ต้องการช่วยเหลือ​🙏

สามารถโอนเงินเข้าบัญชีลูกชายได้โดยตรงครับ

ชื่อบัญชี​ นายมุนินทร์​  พิทักษ์ชาติ​

ธนาคารกรุงเทพ

_____________________________

🔴เลขบัญชี​ 234-4-92663-5

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2564

“หมอศิริราช” เสนอ ล็อกดาวน์กรุงเทพ อย่างน้อย 7 วัน แก้ปัญหาผู้ป่วยโควิด และป้องกันคนกรุงเทพแตกรังออกไปแพร่โควิดต่างจังหวัด

 


 

นายแพทย์ นิธิพัฒน์ เจียรกุล ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โพสต์เฟซบุ๊ก เสนอล็อกดาวน์กรุงเทพอย่างน้อย 7  วันแก้ปัญหาผู้ป่วยโควิดเพิ่มมากขึ้น  ผู้ป่วยเด็กและคนสูงอายุเพิ่มขึ้นหมายถึงเชื้อโควิดระบาดซึมลึกเข้าไปในระดับครัวเรือนและพร้อมจะทำนิวไฮ ทางออกคือต้องล็อกดาวน์กรุงเทพป้องกันคนกรุงเทพแตกรังออกต่างจังหวัดเหมือนช่วงสงกรานต์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

“ดูเหมือนเราจะจนตรอกมีทางเลือกไม่มากแล้ว ลองพิจารณาสถานการณ์โควิดในกทม.ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนี้

1. ยอดผู้ป่วยใหม่รายวันไม่ลดลงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปเกินสี่หลัก

2. อัตราการตรวจพบเชื้อรายใหม่ในการตรวจเชิงรับ คือ ตรวจผู้ที่เข้ารับการตรวจในโรงพยาบาลทั้งเล็กและใหญ่ ทั้งรัฐและเอกชน สูงกว่า 10% ทั้งๆ ที่แต่ละโรงพยายามตรวจให้น้อยเพราะไม่มีเตียงรับผู้ป่วยถ้าผลเป็นบวก

3. มีสัดส่วนผู้ป่วยเด็กมากขึ้นกว่าระลอกก่อนๆ แสดงว่าโรคระบาดซึมลึกเข้าไปในครอบครัวและชุมชน โชคดีว่ากลุ่มนี้อาการไม่รุนแรง แต่สร้างปัญหาการจัดเตรียมเตียงดูแลทั้งในรพ.หลักและรพ.สนามสำหรับเด็กอายุน้อย

4. มีสัดส่วนผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรังเสี่ยงมากขึ้น แสดงว่าโรคระบาดซึมลึกเข้าไปในครอบครัวและชุมชนอีกเช่นกัน ทำให้การใช้เตียงในรพ.หลักติดขัด จำนวนเตียงระดับ 2 และ 3 ที่ขยายศักยภาพมาหลายรอบเหลือไม่ถึง 5% ตัวเลขผู้ป่วยอาการรุนแรง ผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิต กลับมาเพิ่มขึ้นใหม่และอาจทำนิวไฮ

ผมได้รับคำถามจากผู้ใหญ่ที่เคารพและจากสื่อมวลชนหลายแขนงว่า แล้วภาคการแพทย์จะทำอย่างไรได้บ้าง ผมตอบว่าถึงตรงนี้เราไม่สามารถเพิ่มเตียงระดับ 2 และ 3 ไปมากกว่านี้ได้แล้ว เพราะติดขัดเรื่องกำลังคน ถ้าปล่อยให้มีผู้ป่วยใหม่ที่จำเป็นต้องอยู่รพ.หลักเพิ่มขึ้นเร็ว ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะต้องนำไปดูแลรักษาในพื้นที่ทั่วไปที่ไม่ได้เตรียมไว้สำหรับรักษาผู้ป่วยโควิด ทำให้ผู้ป่วยอื่นได้รับการบริการลดกว่ามาตรฐานมาก (เดิมลดบ้างพอรับได้) ทำให้ผู้ป่วยโควิดไม่ได้รับการดูแลเต็มที่เพราะคนและเครื่องมือติดตามไม่พอ และท้ายสุดทำให้บุคลากรและผู้ป่วยอื่นเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล

สำหรับผมแล้วคำตอบสุดท้ายสำหรับวิกฤตโควิดระลอกสี่ คือ การล็อคดาวน์กรุงเทพอย่างน้อย 7 วัน เพื่อเร่งจัดการปัญหาค้างคา และลดปัญหาใหม่ที่จะพอกพูนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์หน้าที่กว่ามาตรเด็ดขาดเพื่อลดการเคลื่อนย้ายของประชาชนจะเห็นผล และที่สำคัญถ้าจะทำตามที่เสนอนี้ ต้องห้ามไม่ให้คนกรุงเทพแตกรังออกต่างจังหวัดเหมือนที่เราทำพลาดมาแล้วช่วงสงกรานต์

#วิกฤตโควิดระลอกสี่ #ล็อคดาวน์กรุงเทพ

อ้างอิง  https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3749812405124415&id=100002870789106

“หมอศิริราช” เตือนดังๆ กทม.วิกฤตคนไข้ล้นแล้ว เตียงเต็มแต่คนไข้เพิ่ม คลัสเตอร์เพิ่ม เตือนรัฐรีบแก้ไขด่วน

 




ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ อดุลย์ รัตนวิจิตราศิลป์  รองคณบดีฝ่ายสารสนเทศ คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล โพสต์เฟซบุ๊กไอดี บันทึกเรื่องน่ารู้ by Dr.Adune กล่าวว่าขณะนี้เตียงผู้ป่วยวิกฤตในโรงพยาบาลในกรุงเทพเต็มหมดแล้ว ในขณะที่ จำนวนผู้ป่วยใหม่ยังไม่ลด คลัสเตอร์ใหม่ยังเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบทั้งระดับรัฐบาล กระทรวง ตลอดจนกรุงเทพมหานครรีบแก้ไขปัญหาด่วน ดังนี้

#เตือนกันดังๆ นะครับ กทม ใกล้จุดระเบิดแล้วครับ

-ผู้ป่วยหนักกำลังจะล้นเตียง กทม. แล้วครับ .....จากข้อมูล ถึงแม้ผู้ป่วยรวมจะไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย แต่ด้วยจำนวนผู้ป่วยใหม่ไม่ลดลง และ มี cluster เกิดขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับ Covid19 ยุคใหม่ ร้ายกว่าเก่า ป่วยหนัก(เส้นกราฟสีเหลือง)​ เพิ่มขึ้น จาก 1,000 เป็น 1,500 ราย (ขณะนี้วัคซีนที่ฉีดยังน้อยมาก ยังช่วยไม่ได้) ...ลองฟังจาก หมอ ที่อยู่วงใน 2 ท่านครับ

-“ช่วงสามสี่วันนี้ใครอยู่ในแวดวงการบริหารจัดการเตียงระดับ 3 ในเขตกทม. สำหรับรับและส่งต่อผู้ป่วยโควิดอาการรุนแรงและอาการวิกฤตระหว่างโรงพยาบาล ต้องกุมขมับเพราะสถานการณ์เตียงเริ่มคับขัน จนกลับไปเหมือนเมื่อปลายเดือนที่แล้วที่หลายคนอยากกลั้นใจตาย แถมผู้ป่วยหนักระลอกใหม่นี้มีสัดส่วนที่สูงซึ่งเป็นผู้สูงอายุและมีโรคเรื้อรัง และมีหลายรายที่สืบสาวหาต้นตอการรับเชื้อไม่ได้ชัดเจน ซึ่งหมายถึงเชื้อได้ระบาดซึมลึกเข้าไปในชุมชนทั่วไปแล้ว ไม่ได้อยู่แต่ในกลุ่มก้อนทั้งใหม่และเก่าที่โผล่ขึ้นมามากมายเป็นดอกเห็ดจนจดจำกันไม่หวาดไม่ไหว”



-“เช้าวันนี้ (เมื่อวาน) เตียงโดยรวม ของ กทม ที่จัดไว้ 2760 เตียง ใช้ไป 2784 เตียง (โดยการต้องเสริมเตียงในหลาย รพ.)”

-เรียนผู้บริหารโปรดทราบ ไม่ว่าระดับประเทศ ระดับกระทรวง ระดับกทม สนใจด้วยครับ ด่วนครับ ก่อนจะสายเกินแก้

 

https://www.facebook.com/102927826723871/photos/a.109021852781135/1479137545769552/

วิกฤตขาดเตียงสาหัส! 2 พ่อลูกโควิดลงปอด หมอขอร้องให้เสียสละเตียงให้ผู้ป่วยเข้าใหม่ ต้องกลับมารักษาที่บ้าน ชาวบ้านลงขันเช่าเครื่องผลิตออกซิเจนยื้อชีวิต





นายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางกะปิ เปิดเผยว่าวิกฤตเตียงรักษาผู้ป่วยขาดแคลนสำหรับโรคโควิด-19 เริ่มระบาดหนักขึ้น โดยพบว่าผู้ป่วยโควิดต้องย้ายออกจากโรงพยาบาลเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยใหม่เข้ารักษา ทั้งที่ผู้ป่วยยังไม่หายดีจนชาวบ้านต้องลงขันเช่าเครื่องช่วยหายใจมาใช้ยื้อชีวิตในแฟลต  ทั้งนี้จากการลงพื้นที่แฟลตการเคหะคลองจั่น ตึก 6 พบคุณพ่อและลูกชาย โดยคุณพ่อมีอาชีพขับแท็กซี่ คาดว่าติดเชื้อโควิดมาจากผู้โดยสาร และมาแพร่เชื้อให้กับลูกชาย โดยคุณพ่อเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลนพรัตน์ มีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดและเชื้อโควิดลงปอด จนเกือบต้องรักษาในห้องผู้ป่วยวิกฤต จากการเอกเรย์พบเชื้อลงปอดจนเสียหาย ใช้เวลารักษาประมาณ 1 เดือน คุณหมอก็ขอร้องให้ผู้ป่วยเสียสละเตียงและกลับบ้านเพราะโรงพยาบาลมีปัญหาเรื่องเตียงขาดแคลน เพราะจำนวนผู้ป่วยมีมากกว่าจำนวนเตียงที่รับได้  เมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณพ่อยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพราะอัตราออกซิเจนการหายใจของคุณพ่อต่ำกว่าปกติ แต่เนื่องจากไม่มีเงินซื้อเครื่องช่วยหายใจ ชาวบ้านจึงช่วยกันลงขันช่วย ส่วนลูกชายซึ่งติดเชื้อโควิดและมีโรคประจำตัวคือโรคลมชัก ยาที่รับประทานรักษาโรคโควิดส่งผลต่ออาการโรคลมชักโดยตรงและสุขภาพลูกชายยังไม่แข็งแรง ทั้งนี้ในบ้านอยู่กันแค่ 2 คนจึงทำให้อยู่ดูแลกันด้วยความยากลำบาก  ชาวบ้านบอกว่าลูกชายเป็นเด็กนิสัยดี ตั้งใจเรียน เก่งภาษาญี่ปุ่น กำลังจะได้รับปริญญา ลูกชายได้แต่ภาวนาขอให้คุณพ่อหายป่วยเพื่อจะได้อยู่ถ่ายรูปคู่กับชุดครุยรับปริญญาของลูกชายสักครั้ง


“วิกฤตผู้ป่วยขาดเตียงเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะมีอัตราผู้ติดเชื้อเพิ่มหลักพันต่อวัน สะท้อนถึงการบริหารจัดการล้มเหลวจนผู้ป่วยล้น วัคซีนก็ไม่มาตามนัด ผู้ป่วยสูญเสียโอกาสรักษา แพทย์พยาบาลอ่อนล้าหนักมาก เคสหมอขอคนไข้เสียสละเตียงไม่ใช่ความผิดหมอหรือโรงพยาบาล แต่เป็นเพราะระบบจัดการมีปัญหา ถ้าเรายังยับยั้งการระบาดไม่ได้ อีกไม่กี่สัปดาห์เราจะเห็นเตียงผู้ป่วยรอล้นออกมานอกโรงพยาบาลเหมือนอินเดียซึ่งเป็นภาพที่ไม่อยากให้เกิด จึงฝากให้ภาครัฐรีบแก้ไขโดยด่วน” นายพงศกร กล่าว

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ทีม ส.ก.เพื่อไทย วอนรัฐแก้ปัญหาเตียงไม่พอ หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แฟลตดินแดงกางเต็นท์นอนสนามหญ้าระหว่างรอส่งตัวไปรักษา




 

นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานโซน 3 ทีมผู้สมัคร ส.ก. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าหลังจาก ศบค.ออกมายอมรับว่าตอนนี้ระบบสาธารณสุขไทยตึงเครียด ทุกคนต้องช่วยกันลดยอดผู้ติดเชื้อใหม่  ได้กระทบมาถึงกลุ่มผู้อาศัยในแฟลตดินแดงแล้ว โดย นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทยกล่าวว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 7 ราย ซึ่งได้พยายามแจ้งไปยังสายด่วน 1668 กรมการแพทย์ และสายด่วนหมายเลข 1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติแล้ว แต่ได้รับการแจ้งว่าให้รอกักตัวอยู่บ้าน  ผู้ติดเชื้อโควิดเกรงว่าตนเองจะแพร่เชื้อให้คนในครอบครัว ทีมเส้นด้ายจึงประสานงานเข้ามาช่วยเหลือ พากันย้ายลงมากางเต็นท์ นอนที่สนามหญ้าหน้าแฟลต พร้อมกั้นเชือกอาณาเขตให้คนในชุมชนทราบ  จากนั้นเจ้าหน้าที่การเคหะฯ ได้ประสานงานกับทีมเส้นด้ายและชาวบ้านขอให้เก็บเต็นท์และย้ายผู้ป่วยขึ้นไปอยู่บนแฟลตชั้น 2 ที่ว่างอยู่แทน และ พยายามประสานรถพยาบาล จนในที่สุดก็สามารถหาเตียงในโรงพยาบาล และพาผู้ติดเชื้อทั้ง 7 คนไปรับการรักษาตามขั้นตอนได้

 

นายวิชาญ กล่าวต่อว่า  สถานการณ์การส่งตัวผู้ติดเชื้อในขณะนี้น่าเป็นห่วงมาก โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับรายงานว่า แทบทุกเขตในกรุงเทพมหานคร พบเคสระบาดภายในครอบครัวโดยเริ่มจากผู้ติดเชื้อ 1 คน แพร่เชื้อให้ทุกคนในบ้าน กลายเป็นติดเชื้อยกบ้าน ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการต้อง “รอเตียง” หากไม่รีบแก้ปัญหาแยกผู้ติดเชื้อออกจากชุมชนให้เร็วที่สุด การระบาดจะลุกลามจนเกินความสามารถของระบบสาธารณสุขไทยจะรับมือไหว


ภาพจากเพจ ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ และเพจ ดุษณี เทียรเดช 

จากใจแพทย์ด่านหน้าโควิด "พวกเราเหนื่อยเหลือเกินแล้วจริงๆ..."

 


แพทย์หญิงนิษฐา เอื้ออารีมิตร อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤต ประจำโรงพยาบาลเอกชัย เขียนเฟซบุ๊กในเพจ Nittha Oer-areemitr  กล่าวถึงนโยบายการเปิดประเทศใน 120 วัน ของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยกล่าวว่า

 

“นับถอยหลัง วันเปิดประเทศ...จากใจคนหน้างาน  post นี้ เต็มไปด้วยพลังลบ...ข้ามได้ถ้าไม่พร้อม

ตั้งแต่วันที่ท่านนายกบอกว่าจะเปิดประเทศอีก 120 วัน  สถานการณ์โควิดก็ดูเหมือนแย่ลงทุกวัน ทุกวัน

สามวันนี้อัตรา positive ของที่รพ. อยู่ที่ 10-20%  คนไข้ที่มา ส่วนมากบอกว่าติดจากไหนไม่รู้....

ร.พ. หลายแห่งกลับมาเตียงเต็มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน...เพราะคนไข้เคสเดิมเรายังให้กลับบ้านไม่ได้ คนไข้ที่นอนอยู่ก็กำลังแย่ลง คนไข้ใน icu ยังล้นปรี่อยู่

ยิ่งไปกว่านั่น บุคลากรของเรา ลดลงเพราะป่วยติดโควิดและกักตัว... เตียง เครื่องช่วยหายใจ เครื่อง oxygen คุฯอาจจะเพิ่มได้ แต่"คนทำงาน" มันไม่งอกเพิ่มหรอก

แต่เหมือนรัฐบาลยังมั่นใจ ในทุกอย่าง ไม่เห็นถึงความรุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้น  ยังคิดว่าวัคซีน speed นี่อีก 110 วัน ช่วยประเทศได้....

แต่ความเป็นจริงนั้น สงขลากำลังถูกถล่มด้วยสายพันธุ์แอฟริกา หรือ beta  กทม.เละเทะไปด้วย สายพันธุ์ alpha จนไม่มีเตียงให้นอนแล้ว  ต้องเห็นภาพนอนกลางเต้นท์ข้างถนน รอเตียง  ส่วนสายพันธุ์อินเดียนั้น รอวันอยู่ อีกไม่นาน ก็จะเพิ่มขึ้นใน cluster ใด cluster หนึ่ง

ส่วนปัญหาเดิมๆตามตะเข็บชายแดน ก็ยังเข้ามาได้เรื่อยๆ ล่าสุดคุยกับแรงงานพม่า ที่เพิ่งข้ามมา ก็บอกว่า จ่ายไม่ถึง 2หมื่น  บ่อนต่างๆก็ยังดำเนินการได้ปกติ  ผับบาร์ ก็ยังแอบเปิดได้อยู่ จับได้ก็เงียบๆกันไป...

แล้วทำไม วัคซีน ถึงไม่ช่วย?? ก็เพราะวัคซีนที่จะช่วยนั้น มันช้ามากๆ ถ้าเราตั้งธง จะเปิดประเทศอีก120 วัน

วัคซีนนี้ควรจะได้ฉีดไป 50% ของคนทั้งประเทศ....ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย  แถมฉีด ก็ไม่ได้กันติด100% ยังไปแพร่ได้เรื่อยๆ ให้กับคนที่ยังไม่ฉีด อยากให้เสียงนี้ สะท้อนถึงผู้มีอำนาจ ทบทวนมาตรการเปิดประเทศต่างๆนานา ไม่ได้ขอให้ปิดตาย จนอดตาย แต่ขอให้ทบทวนสิ่งที่พลาดไป แก้ไขให้ดีเสียก่อน 

พวกเราเหนื่อยเหลือเกินแล้วจริงๆ...”

 

ลิ้งข่าวอ้างอิง https://www.facebook.com/nittha.oerareemitr

17 ปีความจริงปรากฏ! "ไพศาล พืชมงคล" ยืนยันชัดเจน "ทักษิณ ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์กรือเซะ!!!" ย้ำไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ

  02 ธ.ค. 2564 - นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊กในสหัวข้อ “ทักษิณไม...