เมื่อวันที่ 22 ก.ค.64 รองศาสตราจารย์ นายแพทย์พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ประกาศโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาไม่ใส่ "ท่อช่วยหายใจ" (Withholding Intubation) สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 "โควิด-19"
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ที่เข้าขั้นวิกฤต อย่างรุนแรง
ส่งผลให้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่มีจำนวนมากขึ้นจึงจำเป็นต้องใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ
(Withholding Intubation) "ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19"
สำหรับการให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ที่เข้าให้สอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานการให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาพยาบาลซี่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติในสภาวการณ์ปัจจุบันนี้
อาศัยอำนาจตามความในข้อ 15
แห่งระเบียบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ว่าด้วยการบริหารงานโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ พ.ศ. 2550
ผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
ในคราวประชุมครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 มีมติเห็นชอบอนุมัติให้ใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ
(Withholding
Intubation) สำหรับ "ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19"
ตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
โดยมีข้อความดังนี้
ในสถานการณ์ที่มีทรัพยากรในการรักษาจำกัด
แพทย์ผู้รักษาพิจารณาไม่ใส่ "ท่อช่วยหายใจ"
หรือให้คำปรึกษาเพื่อการไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ และมุ่งเน้นการรักษาแบบประคับประคอง (palliative
care) ให้แก่ "ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19" โดยแบ่ง 2 กรณี
ดังนี้
กรณีที่ 1 ผู้ป่วยมีการแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้า
ผู้ป่วยมีการแสดงเจตนาโดยวาจาหรือโดยลายลักษณ์อักษร
(advance
directive หรือlivi will) ไม่ประสงค์ให้ใส่
"ท่อช่วยหายใจ" หรือมีการประชุมครอบครัวร่วมกับผู้ตัดสินใจแทน (surrogate
decision maker)* แล้วมีข้อสรุปไม่ประสงค์ใส่ท่อช่วยหายใจ
*ตามประกาศคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง
นิยามปฏิบัติการ (operational definition) ของคำที่เกี่ยวกับเรื่องการดูแลแบบประคับประคอง
(paliative care) สำหรับประเทศไทย พ.ศ.2563
"ผู้ตัดสินใจแทน (surogate decision maker) หมายถึง
"บุคคลที่ได้รับการมอบหมายจากผู้ป่วยให้ทำหน้าที่ตัดสินใจเลือกการรักษาที่เป็นไปตามความต้องการ
ของผู้ป่วยขณะยังมีสติสัมปชัญญะ หมายรวมถึง ผู้แสดงเจตนาแทน หรือ
บุคคลที่มีหน้าที่อธิบายความประสงค์ที่แท้จริงของผู้ทำหนังสือแสดงเจตนา
โดยจะทำหน้าที่เมื่อผู้ป่วยหมดความสามารถในการตัดสินใจแล้ว สำหรับกรณีที่ไม่มีการมอบหมายไว้
ญาติหรือผู้ดูแลใกล้ชิด และทีมสหสาขาวิชาจะร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบ"
กรณีที่ 2
ผู้ป่วยไม่ได้มีการแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้า
แพทย์ผู้ดูแลพิจารณาไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ
เมื่อมีผู้ป่วยมีลักษณะอย่างน้อย 2 ข้อจาก 4 ข้อ ดังต่อไปนี้
1. อายุมากกว่า 75 ปี
2. Charlson Comorbidity Index
(CCI) > 4 โดยมีการให้คะแนนดังนี้
3. Clinical Frailty Scale (CFS) ซึ่งมีความหมาย
ดังนี้
CFS 6 หมายถึง มีความเปราะบางระดับป่านกลาง
(moderate frailty) คือ
ผู้ป่วยที่ต้องการการช่วยเหลือในการทำกิจกรรมทุกอย่างทั้งนอกบ้านและในบ้าน ผู้ป่วยมักมีปัญหาในการใช้บันได
ต้องการการช่วยเหลือในการอาบน้ำ และอาจต้องการการช่วยเหลือเล็กน้อยในการแต่งตัว
CFS 7 หมายถึง มีความเปราะบางระดับรุนแรง (severe
frailty) คือ ผู้ป่วยที่มีภาวะโดยสมบูรณ์ (completely
dependent ในการดูแลตนเองจากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม ทั้งทางกายภาพหรือการทำงานของสมอง
อาการคงที่และไม่ได้กำลังจะเสียชีวิตภายใน 6 เดือน
CFS 8 หมายถึง
มีความเปราะบางระดับรุนแรงมาก (very severe frailty) คือ
ป่วยที่มีภาวะพึ่งพาโดยสมบูรณ์ในการดูแลตนเอง และอยู่ในระยะท้ายของชีวิต (end
of life) ส่วยมากจะไม่สามารถฟื้นตัว (recover) ได้แม้จะเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย
CFS 9 หมายถึง อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต (terminally
ill) คือ ผู้ป่วยที่คาดว่าจะเกิน 6 เดือนอื่น
ๆ ที่ไม่ได้มีภาวะเปราะบางระดับรุนแรง
4. เป็นผู้ป่วยระยะท้าย (end-of
life) โดยมีลักษณะต่าง ๆ ซึ่งประยุกต์จาก The Gold Standards
Framework (GSF) Proactive Identification Guidance (PIG) Identify 2016 และ SPTCT Criteria 2019 อย่างน้อย 2 ข้อ ดังนี้
-Palliative Performance Scale < 50%
หรือ ECOG > 2
โรคมะเร็งที่อยู่ในระยะลุกลาม
ไม่ตอบสนองต่อการรักษา
ตัวเลือกของการรักษา คือ จะไม่รักษาตัวโรคต่อไปอย่างเต็มที่
(active
treatment) แต่มุ่งเน้นที่คุณภาพชีวิต
โรคอื่น ๆ ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา ที่สำคัญ
เช่น
- NYHA Class IIIV heart failure ที่เหนื่อยตลอดเวลาแม้ขณะพัก,
นอนโรงพยาบาลด้วยเรื่อง heart failure > 3
ครั้งใน 6 เดือน หรือ 1
ครั้งสำหรับผู้ป่วยที่อายุ 2 75 ปี
- COPD ที่มี FEV 1 < 30%
predicted, on long term oxygen therapy, มีอาการหอบมาที่ห้องฉุกเฉินบ่อยครั้งแม้จะใช้ยาอย่างเต็มที่แล้ว
หรือนอนโรงพยาบาลด้วยเรื่อง COPD > 3 ครั้ง/ปี
- ESRD ที่ไม่ต้องการทำการบำบัดทดแทนไต
หรือ อาการแย่ลงแม้จะได้รับการบำบัดทดแทนไตแล้ว
- Cirrhosis ที่มี intractable
asceites หรือมี encephalopathy
มีโรคทางระบบประสาทรุนแรง หรือมีภาวะปริชาญปัญญาบกพร่องอย่างมาก (severe cognitive impairment) ซึ่งมีอาการแสดง เช่น นอนติดเตียง ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันเองได้อยู่ในสภาวะเป็นผัก (vegetative state) ไม่สามารถสื่อสารด้วยคำพูด ไม่สามารถกลืนอาหารเองได้ มีประวัติปอดติดเชื้อจากการสำลัก (aspitation pneumonia) บ่อยครั้ง หรือมีประวัติระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
https://ch3plus.com/news/program/250046
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น